
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยสุโขทัย
การสถาปนากรุงสุโขทัย
ก่อนการสถาปนากรุงสุโขทัย ดินแดนตั้งแต่ภาคเหนือ ลงมา แถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาถึงอ่าวไทย อยู่ภายใต้การปกครองของขอม โดยดินแดนตั้งแต่ปากน้ำโพขึ้นไป เป็นอาณาเขตสยาม มีเมืองสุโขทัยเป็นศูนย์กลาง และดินแดนส่วนใต้ ตั้งแต่ปากน้ำโพ ลงมาถึงอ่าวไทย เป็นอาณาจักรละโว้ ราวปี พ.ศ. 1780 พ่อขุนบางกลางหาว (หรือพ่อขันบางกลางท่าว) เจ้าเมืองบางยาง และพ่อขันผาเมือง เจ้าเมืองราช ได้ร่วมกันรวบรวมกำลัง เข้าตีเมืองสุโขทัยและเมืองต่าง ๆ ของขอม แล้วสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชธานี โดยมีพ่อขุนบางกลางหาวเป็นปฐมกษัตริย์ แห่งราชวงศ์พระร่วง ทรงพระนามว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ปกครองกรุงสุโขทัย และมีกษัตริย์สืบต่อมารวม 9 พระองค์ ดังนี้
1. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์สถาปนาเป็นกษัตริย์ โดยมีสุโขทัยเป็นราชธานีประมาณ
พ.ศ. 1781
พระราชกรณียกิจ
๑.ทรงก่อตั้งอาณาจักรสุโขทัยโดย พระองค์ทรงรวบรวมผู้คน ยึดอำนาจจากขอม เป็นผลสำเร็จและทรงสถาปนา อาณาจักรสุโขทัยเป็นราชธานี ทำให้คนไทยมี ีอิสรภาพ โดยไม่ตกอยู่ภายใต้ของอาณาจักรขอมต่อไป
๒. ทำศึกสงครามเพื่อป้องกันและขยายอาณาเขต ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดได้นำ กองทัพเข้ามารุกรานเมืองตาก ซึ่งเป็นเมืองชายแดน ของอาณาจักรสุโขทัย พ่อขุนศรีอินทราทิตย์พร้อมด้วยพ่อขุนรามคำแหง พระราชโอรสองค์เล็ก ทรงยกทัพ เข้าสู้รบจนได้รับชัยชนะ ทำให้อาณาจักรสุโขทัยได้เมืองตากกลับคืนมา
--------------------------------------------------------------
พ่อขุนบางเมือง เป็นโอรสองค์ที่สองของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ สิ้นรัชกาลราวปี พ.ศ. 1820
พระราชกรณียกิจ
พ่อขุนบานเมืองได้ทำสงครามกับเมืองต่าง ๆ ในหลายประเทศเพื่อขยายอำนาจแห่งสุโขทัย ซึ่งพระองค์มีพระสามารถในการทำศึกสงครามมากนัก โดยมีสมเด็จพระอนุชาธิราช (พ่อขุนรามคำแหงมหาราช) เป็นแม่ทัพ ดังปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 1 ว่า "กูไป่ท่บ้านท่เมือง ได้ช้าง ได้งวง ได้ปั่ว ได้นาง ได้เงือน ได้ทอง กูเอามาเวนแก่พ่อกู พ่อกูตายเวนยังพี่กู กูพร่ำบำเรอแก่พี่กู ดังบำเรอแก่พ่อกู" หมายความว่าเมื่อพระรามคำแหงยกทัพไปตีเมืองอื่นจนได้ชัยชนะ ก็นำช้าง ผู้คน ทรัพย์สินเงินทอง มาถวายแด่พระราชบิดา เมื่อพระราชบิดาสวรรคต ก็กระทำอย่างเดียวกันกับพ่อขุนบานเมือง
--------------------------------------------------------------
พ่อขุนรามคำแหง พระนามเดิมว่าร่วง ทรงครองราชย์ตั้งแต่ราวปี พ.ศ. 1822
พระราชกรณียกิจ
รัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นยุคที่กรุงสุโขทัยเฟื่องฟูและเจริญขึ้นกว่าเดิมเป็นอันมาก ระบบการปกครองภายในก่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยอย่างมีประสิทธิภาพ มีการติดต่อสัมพันธ์กับต่างประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง ประชาชนอยู่ดีกินดี สภาพบ้านเมืองก้าวหน้าทั้งทางเกษตร การชลประทาน การอุตสาหกรรม และการศาสนา อาณาเขตของกรุงสุโขทัยได้ขยายออกไปกว้างใหญ่ไพศาล
--------------------------------------------------------------
พ่อเจ้าเลอไทย ครองราชย์ปี พ.ศ. 1843
พระราชกรณียกิจ
การศาสนา
พระยาลิไทยทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมากนโยบายการปกครองที่ใช้ศาสนา เป็นหลักรวมความเป็นปึกแผ่นจึงเป็นนโยบายหลักในรัชสมัยนี้ ด้วยทรงดำริว่าการจะขยายอาณาเขตต่อไปเช่นเดียวกับในรัชการพ่อขุนรามคำแหง พระอัยกา ก็จักต้องนำไพร่พลไปล้มตายอีกเป็นอันมาก พระองค์จึงทรงมีพระราชประสงค์ที่จะปกครองบ้านเมืองเช่นเดียวกับพระเจ้าอโศกมหาราชที่ทรงปกครองอินเดียให้เจริญได้ด้วยการส่งเสริมพระพุทธศาสนา และสั่งสอนชาวเมืองให้ตั้งอยู่ในศีลธรรมอันจะเป็นวิธีรักษาเมืองให้ยั่งยืนอยู่ได้
ภาษาและวรรณคดี
ด้านอักษรศาสตร์ทรงพระปรีชาสามารถนิพนธ์หนังสือไตรภูมิพระร่วงที่นับเป็นงานนิพนธ์ที่เก่าแก่ที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย ด้วยทรงเชี่ยวชาญในพระไตรปิฎกจึงทรงนิพนธ์ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ประเพณีในพระพุทธศาสนา โลกมนุษย์ สวรรค์ และนรก
การสร้างเมือง
รงทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เจริญหลายประการ เช่น สร้างถนนพระร่วงตั้งแต่เมืองศรีสัชนาลัยผ่านกรุงสุโขทัยไปถึงเมืองนครชุม (กำแพงเพชร) บูรณะเมืองนครชุม
ทรงสร้างเมืองสองแคว (พิษณุโลก) เป็นเมืองลูกหลวงโดยการย้ายเมืองซึ่งเคยอยู่ที่สองแควซึ่งเดิมอยู่ทางใต้ (วัดจุฬามณีในปัจจุบัน) แต่ยังคงเรียกว่าเมืองสองแควตามเดิม
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
นับแต่พระยาลิไทยได้ครองราชย์มา 2 ปี พระเจ้าอู่ทองผู้ครองกรุงศรีอยุธยา ได้ให้ขุนหลวงพระงั่วยกทัพมาตีเมืองชัยนาท หัวเมืองชั้นในของกรุงสุโขทัยด้วยขณะนั้นกรุงสุโขทัยอ่อนแอจากทุพภิกขภัย ข้าวกล้าในนาเสียหาย ชาวเมืองอดอยาก
ต่อมาพระยาลิไทยได้ส่งทูตไปเจรจาให้กรุงศรีอยุธยาคืนเมืองชัยนาทแต่โดยดี และจะยินยอมให้เป็นประเทศอิสระและมีไมตรีกันเช่นเดียวกับขอมที่ครองเมืองลพบุรี กรุงศรีอยุธยาเห็นควรด้วยเกรงว่าขอมจะร่วมมือกับกรุงสุโขทัยจัดทัพกระหนาบมาตี กรุงศรีอยุธยาจึงคืนเมืองชัยนาทให้พระยาลิไทย
หลังจากสัมพันธไมตรีระหว่าง 2 กรุงดำเนินมาได้ราว 10 ปี เมื่อพระเจ้าอู่ทองสวรรคต ไมตรีระหว่างกรุงสุโขทัยกับกรุงศรีอยุธยาก็เริ่มตึงเครียดขึ้น และเมื่อขุนหลวงพระงั่ว (พระบรมราชาธิราช) ได้ราชสมบัติครองกรุงศรีอยุธยา ก็ได้กรีธาทัพไปตีกรุงสุโขทัย สงครามระหว่าง 2 กรุงดำเนินไปถึง 6 ปีเศษ ขุนหลวงพระงั่วก็ไม่อาจเอาชัยทัพพระยาลิไทย กรุงสุโขทัยได้
--------------------------------------------------------------
พระยางั่วนำถม เริ่มรัชกาลเมืองใด ไม่ปรากฏชัด แต่สิ้นรัชกาลราว พ.ศ. 1890

 ประวัติศาสตร์ไทยสมัยสุโขทัย
การสถาปนากรุงสุโขทัย
ก่อนการสถาปนากรุงสุโขทัย ดินแดนตั้งแต่ภาคเหนือ ลงมา แถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาถึงอ่าวไทย อยู่ภายใต้การปกครองของขอม โดยดินแดนตั้งแต่ปากน้ำโพขึ้นไป เป็นอาณาเขตสยาม มีเมืองสุโขทัยเป็นศูนย์กลาง และดินแดนส่วนใต้ ตั้งแต่ปากน้ำโพ ลงมาถึงอ่าวไทย เป็นอาณาจักรละโว้ ราวปี พ.ศ. 1780 พ่อขุนบางกลางหาว (หรือพ่อขันบางกลางท่าว) เจ้าเมืองบางยาง และพ่อขันผาเมือง เจ้าเมืองราช ได้ร่วมกันรวบรวมกำลัง เข้าตีเมืองสุโขทัยและเมืองต่าง ๆ ของขอม แล้วสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชธานี โดยมีพ่อขุนบางกลางหาวเป็นปฐมกษัตริย์ แห่งราชวงศ์พระร่วง ทรงพระนามว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
ปัจจัยที่เอื้อต่อการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัย มี 2 ด้าน คือ
1.ปัจจัยภายใน ได้แก่
๏ มีผู้นำที่เข้มแข็ง ในสมัยนั้นผู้นำคนไทยที่กล้าหาญมีสติปัญญาเฉียบแหลมและรอบคอบ 2 คน ซึ่งเป็นสหายกัน ได้แก่ พ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด และพ่อขุบางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง ได้ร่วมกันรวบรวมคนไทย และกำลังเข้าต่อสู้กับขอมจนสามารถขับไล่ขอมไปได้
๏ มีขวัญและกำลังใจดี การที่คนไทยมีผู้นำที่เข้มแข็งมีความสามารถ ทำให้มีขวัญและกำลังใจดี มีความเชื่อมั่นว่าจะต่อสู้เอาชนะขอมได้ ต่างก็มีความปรารถนาที่จะขับไล่ขอมออกไป เพื่อจะได้มีความเป็นอิสระและมีเอกราชสมบูรณ์ จึงได้ผนึกกำลังกันต่อสู้และเอาชนะขอมได้สำเร็จ
๏ รับความเป็นอิสระ คนไทยมีนิสัยรักอิสระไม่ชอบให้ผู้ใดกดาขี่ข่มเหงบังคับ ดังนั้นเมื่อพ่อขุนบางกลางหาว และพ่อขุนผาเมืองได้ร่วมมือกันขับไล่ขอมเพื่อให้
คนไทยได้รับอิสรภาพ จึงได้รับความร่วมมือร่วมใจจากชาวไทยทุกคนด้วยดี จนสามารถาขับไล่ขอมและปลดปล่อยกรุงสุโขทัยเป็นอิสระได้ในที่สุด
๏ บ้านเมืองมีความอุดมสมบูรณ์ เมืองสุโขทัยเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเกษตรมีการเพาะปลุก การเลี้ยงสัตว์ และการจับสัตว์น้ำ ทำให้ผู้คนเข้ามาอาศัย
ตั้งบ้านเรือนกันเป็นชุมชนที่ค่อนข้างหนาแน่น เมืองสุโขทัยจึงพร้อมด้วยเสบียงอาหาร และกำลังคน2.ปัจจัยภายนอก ได้แก่
๏ ขอมมักจะรุกรานและแผ่อำนาจเข้าไปในอาณาจักรอื่นๆ ต้องทำสงครามรบพุ่งเป็นระยะเวลายาวนาน โดยเฉพาะกับอาณาจักรจามปา กษัตริย์ขอมต้องทำสงคราม
ยึดเยื้อหลายรัชกาล ต้องเสียกำลังคน เสบียงอาหาร ทรัพยากรและขาดการทำนุบำรุงบ้านเมือง ทำให้ต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจประชาชนท้อแท้เบื่อหน่าย
๏ การที่ขอมขยายอาณาเขตออกไปไกล ทำให้ไม่สามารถออกไปไกล ทำให้ไม่สามารถรักษาอำนาจไว้ได้อย่างถาวร แม้จะแก้ปัญหา โดยตั้งเมืองใหญ่ให้เป็นศูนย์
อำนาจ เช่น ลพบุรี สุโขทัย แต่การปกครองก็มิได้มีประสิทธิภาพในที่สุดก็ไม่สามารถรักษาอำนาจของคนในดินแดนชาติอื่นที่ตนยึดครองไว้ได้
๏ การสร้างปราสาทหรือเทวสถานไว้ประดิษฐานศิวลึงค์ เพื่อการบูชาและการสร้างสาธารณูปโภคของกษัตริย์แต่ละพระองค์ ก็เป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้ขอมเสื่อม
อำนาจ เพราะต้องใช้แรงงาน ใช้ทรัพยากรและเสบียงอาหารจำนวนมากมาย ความอ่อนแอทางเศรษฐกิจทำให้ต้องเก็บภาษีจากประชาชนมากขึ้น ประชาชนจึงไม่ร่วมมือกับทางราชการ ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ อาณาจักรขอมจึงเสื่อมลง เปิดโอกาสให้คนไทยได้ร่วมกันกำจัดอำนาจอิทธิพลของขอมได้สำเร็จ
----------------------------------------------------------------------------------------
พระมหากษัตริย์ในสัมัยกรุงสุโขทัย
1. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์สถาปนาเป็นกษัตริย์ โดยมีสุโขทัยเป็นราชธานีประมาณ
พ.ศ. 1781
พระราชกรณียกิจ
๑.ทรงก่อตั้งอาณาจักรสุโขทัยโดย พระองค์ทรงรวบรวมผู้คน ยึดอำนาจจากขอม เป็นผลสำเร็จและทรงสถาปนา อาณาจักรสุโขทัยเป็นราชธานี ทำให้คนไทยมี ีอิสรภาพ โดยไม่ตกอยู่ภายใต้ของอาณาจักรขอมต่อไป
๒. ทำศึกสงครามเพื่อป้องกันและขยายอาณาเขต ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดได้นำ กองทัพเข้ามารุกรานเมืองตาก ซึ่งเป็นเมืองชายแดน ของอาณาจักรสุโขทัย พ่อขุนศรีอินทราทิตย์พร้อมด้วยพ่อขุนรามคำแหง พระราชโอรสองค์เล็ก ทรงยกทัพ เข้าสู้รบจนได้รับชัยชนะ ทำให้อาณาจักรสุโขทัยได้เมืองตากกลับคืนมา
--------------------------------------------------------------
พ่อขุนบางเมือง เป็นโอรสองค์ที่สองของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ สิ้นรัชกาลราวปี พ.ศ. 1820
พระราชกรณียกิจ
พ่อขุนบานเมืองได้ทำสงครามกับเมืองต่าง ๆ ในหลายประเทศเพื่อขยายอำนาจแห่งสุโขทัย ซึ่งพระองค์มีพระสามารถในการทำศึกสงครามมากนัก โดยมีสมเด็จพระอนุชาธิราช (พ่อขุนรามคำแหงมหาราช) เป็นแม่ทัพ ดังปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 1 ว่า "กูไป่ท่บ้านท่เมือง ได้ช้าง ได้งวง ได้ปั่ว ได้นาง ได้เงือน ได้ทอง กูเอามาเวนแก่พ่อกู พ่อกูตายเวนยังพี่กู กูพร่ำบำเรอแก่พี่กู ดังบำเรอแก่พ่อกู" หมายความว่าเมื่อพระรามคำแหงยกทัพไปตีเมืองอื่นจนได้ชัยชนะ ก็นำช้าง ผู้คน ทรัพย์สินเงินทอง มาถวายแด่พระราชบิดา เมื่อพระราชบิดาสวรรคต ก็กระทำอย่างเดียวกันกับพ่อขุนบานเมือง
--------------------------------------------------------------
พ่อขุนรามคำแหง พระนามเดิมว่าร่วง ทรงครองราชย์ตั้งแต่ราวปี พ.ศ. 1822
พระราชกรณียกิจ
รัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นยุคที่กรุงสุโขทัยเฟื่องฟูและเจริญขึ้นกว่าเดิมเป็นอันมาก ระบบการปกครองภายในก่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยอย่างมีประสิทธิภาพ มีการติดต่อสัมพันธ์กับต่างประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง ประชาชนอยู่ดีกินดี สภาพบ้านเมืองก้าวหน้าทั้งทางเกษตร การชลประทาน การอุตสาหกรรม และการศาสนา อาณาเขตของกรุงสุโขทัยได้ขยายออกไปกว้างใหญ่ไพศาล
--------------------------------------------------------------
พ่อเจ้าเลอไทย ครองราชย์ปี พ.ศ. 1843
พระราชกรณียกิจ
ในสมัยของพญางั่วนำถุมครองราชสมบัติ เป็นช่วงระยะเวลาที่อาณาจักรสุโขทัยอยู่ในฐานะที่คลอนแคลน มีความแตกแยกระหว่างเจ้านายในพระราชวงศ์ออกเป็นหลายฝ่าย เมื่อพญางั่วนำถุมสวรรคต ก็มีการแย่งชิง ราชสมบัติเกิดขึ้นที่เมืองสุโขทัย พญาลิไทซึ่งครองเมืองศรีสัชนาลัย ต้องยกทัพเข้ามาปราบปรามและปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์
|
-------------------------------------------------------------
พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) ครองราชย์ช่วง พ.ศ. 1890 - 1917
พระราชกรณียกิจ
พระมหาธรรมราชาที่ 1 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 6
แห่งอาณาจักรสุโขทัยทรงเป็นพระราชโอรสของพญาเลอไท ทรงขึ้นครองราชสมบัติโดยการปราบดาภิเษกจากความพยายามของพระองค์ภายหลังการขึ้นครองราชสมบัติแล้ว พระองค์ทรงมีความมุ่งมั่นที่จะรวบรวมเมืองต่าง ๆ ที่แตกแยกให้เข้ามารวมกันอีกเหมือนครั้งในสมัยของพ่อขุนรามคำแหงและทรงเสด็จไปยังเมืองต่าง ๆ เพื่อเผยแผ่และกระทำกิจทางศาสนา ตลอดจนสร้างสัมพันธไมตรีอันดีกับเมืองเชียงใหม่ โดยทรงมีพระราชานุญาตให้พระสมณะเถระไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่เชียงใหม่ ตามที่พระเจ้ากือนาแห่งเชียงใหม่ทรงขอมา
--------------------------------------------------------------
พระมหาธรรมราชาที่ 2 (พระเจ้าไสยลือไท) ครองราชย์ช่วง พ.ศ. 1917 - 1942 ช่วง
พ.ศ. 1921 ได้ตกเป็นประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา
พระราชกรณียกิจ
พระมหาธรรมราชาที่ 2 ทรงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติต่อจาก พระมหาธรรมราชาที่ 1 ในขณะนั้นอาณาจักรกรุงศรีอยุธยาสมัยของสมเด็จพระบรมราชาธิราช (ขุนหลวงพระงั่ว) ได้ขยายอำนาจมายังอาณาจักรสุโขทัย โดยเริ่มตีและยึดเมืองเหนือได้หลายเมือง แต่พระมหาธรรมราชาที่ 2 ได้ป้องกันเมืองเป็นสามารถ แต่เมื่อเห็นว่าจะสู้รบต่อไปไม่ไหวจึงถวายบังคม ขุนหลวงพระงั่ว โปรดให้พระมหาธรรมราชาที่ 2 ครองอาณาจักรสุโขทัยต่อไปในฐานะ ประเทศราชของอาณาจักรอยุธยา จนถึงปี พ.ศ. 1931 อาณาจักรสุโขทัยได้แข็งเมืองไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในปี พ.ศ. 1931 ขุนหลวงพระงั่ว จึงยกทัพไป ตีชากังราว แต่พระองค์ได้เสด็จสวรรคตกลางทาง
--------------------------------------------------------------
พระมหาธรรมราชที่ 3 ครองราชย์ช่วง พ.ศ. 1942 - 1962 ได้ย้ายราชธานี จากสุโขทัยมาพิษณุโลก
พระราชกรณียกิจ
พระมหาธรรมราชาที่ 3 ทรงเป็นโอรสของพระมหาธรรมราชาที่ 2 พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีฝีมือเข้มแข็ง สามารถแผ่ขยายอาณาเขต เพื่อกู้เสถียรภาพทางการเมืองของอาณาจักรสุโขทัยให้ฟื้นตัวขึ้นมาอีก โดยยกทัพไปปราบยังเมืองต่าง ๆ ให้อยู่ในอำนาจ
--------------------------------------------------------------
พระมหาธรรมราชาที่ 4 ครองราชย์ช่วง พ.ศ. 1962 - 1981 เป็นกษัตริย์วงศ์สุดท้ายแห่งราชวงศ์สุโขทัย
พระราชกรณียกิจ
ในสมัยของพระมหาธรรมราชาที่ 4 อาณาจักรสุโขทัยตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรอยุธยาอีกครั้งหนึ่ง พระมหาธรรมราชาที่ 4 ทรงครอง ราชสมบัติได้ 19 ปี ก็สวรรคตเชื้อสายพระร่วงเกิดแย่งชิงราชสมบัติกันสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) แห่งอาณาจักรอยุธยา โปรดให้พระราเมศวรพระราชโอรสขึ้นไปครองพิษณุโลก นับตั้งแต่นั้นมาสุโขทัยจึงถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยา
--------------------------------------------------------------
ยุคแรกของอาณาจักรสุโขทัย มีเมืองใหญ่ที่สุโขทัย และเมืองเชลียง และมีเมืองเล็ก ๆ อยู่ตามลุ่มแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน ด้านเหนือติดเมืองแพร่ ด้านใต้ติดเมืองพระบาง (คือนครสวรรค์ในปัจจุบัน) พลเมืองไม่มากนัก
"ในสมัยพ่่อขุนรามคำแห่ง ได้มีการแผ่ขยายอาณาเขตไปมากมาย"
กษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย ได้ครองราชย์สืบต่อกันมาเป็นเวลาราว 200 ปี คือ ตั้งแต่ พ.ศ. 1780 - พ.ศ. 1981 แต่ในราวปี พ.ศ. 1983 กลุ่มคนไทยทางตอนใต้กรุงสุโขทัย ได้สถาปนาอาณาจักรบริเวณลุ่มแน่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างขึ้น โดยมีพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) เป็นปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรอยุธยา
อาณาจักรอยุธยาซึ่งมีทำเลที่ตั้งดี มีกษัตริย์ที่เข้มแข็ง ได้ขยายอำนาจเพิ่มขึ้นตามลำดับ และสามารถยึดครองอาณาจักสุโขทัยเป็นประเทศราชได้ ในสมัยพระมหาธรรมราชที่ 2 และต่อมาในปี พ.ศ. 1981 ก็ได้รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยา
การล่มสลายของอาณาจักรสุโขทัย
ความเป็นมา
อาณาจักรสุโขทัย หรือ รัฐสุโขทัย (อังกฤษ: Kingdom of Sukhothai) เป็นอาณาจักร หรือรัฐในอดีตรัฐหนึ่ง ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำยม เป็นชุมชนโบราณมาตั้งแต่ยุคเหล็กตอนปลาย จนกระทั่งสถาปนาขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18 ในฐานะสถานีการค้าของรัฐละโว้ หลังจากนั้นราวปี 1800 พ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมือง ได้ร่วมกันกระทำการยึดอำนาจจากขอมสบาดโขลญลำพง ซึ่งทำการเป็นผลสำเร็จและได้สถาปนาเอกราชให้สุโขทัยเป็นรัฐอิสระ และมีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับและเพิ่มถึงขีดสุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ก่อนจะค่อยๆตกต่ำ และประสบปัญหาทั้งจากปัญหาภายนอกและภายใน จนต่อมาถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาไปในที่สุดจากข้อมูลทำอย่างไรเพื่อจะได้รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงอาณาจักรอยุธยาถึงล่มสลายได้
|
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น