ความเป็นมาของ "อาณาจักร สุโขทัย"

♠ Posted by Unknown in at 18:18




 


ประวัติศาสตร์ไทยสมัยสุโขทัย

        การสถาปนากรุงสุโขทัย
     ก่อนการสถาปนากรุงสุโขทัย  ดินแดนตั้งแต่ภาคเหนือ ลงมา แถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาถึงอ่าวไทย อยู่ภายใต้การปกครองของขอม  โดยดินแดนตั้งแต่ปากน้ำโพขึ้นไป เป็นอาณาเขตสยาม  มีเมืองสุโขทัยเป็นศูนย์กลาง  และดินแดนส่วนใต้ ตั้งแต่ปากน้ำโพ ลงมาถึงอ่าวไทย  เป็นอาณาจักรละโว้  ราวปี  พ.ศ.  1780  พ่อขุนบางกลางหาว (หรือพ่อขันบางกลางท่าว)  เจ้าเมืองบางยาง  และพ่อขันผาเมือง  เจ้าเมืองราช  ได้ร่วมกันรวบรวมกำลัง เข้าตีเมืองสุโขทัยและเมืองต่าง ๆ  ของขอม  แล้วสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชธานี  โดยมีพ่อขุนบางกลางหาวเป็นปฐมกษัตริย์ แห่งราชวงศ์พระร่วง  ทรงพระนามว่า  พ่อขุนศรีอินทราทิตย์  ปกครองกรุงสุโขทัย  และมีกษัตริย์สืบต่อมารวม  9  พระองค์ ดังนี้

1. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์สถาปนาเป็นกษัตริย์ โดยมีสุโขทัยเป็นราชธานีประมาณ 
พ.ศ.  1781



พระราชกรณียกิจ
๑.ทรงก่อตั้งอาณาจักรสุโขทัยโดย พระองค์ทรงรวบรวมผู้คน ยึดอำนาจจากขอม เป็นผลสำเร็จและทรงสถาปนา อาณาจักรสุโขทัยเป็นราชธานี ทำให้คนไทยมี ีอิสรภาพ โดยไม่ตกอยู่ภายใต้ของอาณาจักรขอมต่อไป
๒. ทำศึกสงครามเพื่อป้องกันและขยายอาณาเขต ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดได้นำ กองทัพเข้ามารุกรานเมืองตาก ซึ่งเป็นเมืองชายแดน ของอาณาจักรสุโขทัย พ่อขุนศรีอินทราทิตย์พร้อมด้วยพ่อขุนรามคำแหง พระราชโอรสองค์เล็ก ทรงยกทัพ เข้าสู้รบจนได้รับชัยชนะ ทำให้อาณาจักรสุโขทัยได้เมืองตากกลับคืนมา
--------------------------------------------------------------
พ่อขุนบางเมือง  เป็นโอรสองค์ที่สองของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์  สิ้นรัชกาลราวปี  พ.ศ.  1820
พระราชกรณียกิจ

พ่อขุนบานเมืองได้ทำสงครามกับเมืองต่าง ๆ ในหลายประเทศเพื่อขยายอำนาจแห่งสุโขทัย ซึ่งพระองค์มีพระสามารถในการทำศึกสงครามมากนัก โดยมีสมเด็จพระอนุชาธิราช (พ่อขุนรามคำแหงมหาราช) เป็นแม่ทัพ ดังปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 1 ว่า "กูไป่ท่บ้านท่เมือง ได้ช้าง ได้งวง ได้ปั่ว ได้นาง ได้เงือน ได้ทอง กูเอามาเวนแก่พ่อกู พ่อกูตายเวนยังพี่กู กูพร่ำบำเรอแก่พี่กู ดังบำเรอแก่พ่อกู" หมายความว่าเมื่อพระรามคำแหงยกทัพไปตีเมืองอื่นจนได้ชัยชนะ ก็นำช้าง ผู้คน ทรัพย์สินเงินทอง มาถวายแด่พระราชบิดา เมื่อพระราชบิดาสวรรคต ก็กระทำอย่างเดียวกันกับพ่อขุนบานเมือง
--------------------------------------------------------------
พ่อขุนรามคำแหง  พระนามเดิมว่าร่วง  ทรงครองราชย์ตั้งแต่ราวปี  พ.ศ.  1822

พระราชกรณียกิจ

รัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นยุคที่กรุงสุโขทัยเฟื่องฟูและเจริญขึ้นกว่าเดิมเป็นอันมาก ระบบการปกครองภายในก่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยอย่างมีประสิทธิภาพ มีการติดต่อสัมพันธ์กับต่างประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง ประชาชนอยู่ดีกินดี สภาพบ้านเมืองก้าวหน้าทั้งทางเกษตร การชลประทาน การอุตสาหกรรม และการศาสนา อาณาเขตของกรุงสุโขทัยได้ขยายออกไปกว้างใหญ่ไพศาล
--------------------------------------------------------------
พ่อเจ้าเลอไทย  ครองราชย์ปี พ.ศ. 1843




พระราชกรณียกิจ

การศาสนา

พระยาลิไทยทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมากนโยบายการปกครองที่ใช้ศาสนา เป็นหลักรวมความเป็นปึกแผ่นจึงเป็นนโยบายหลักในรัชสมัยนี้ ด้วยทรงดำริว่าการจะขยายอาณาเขตต่อไปเช่นเดียวกับในรัชการพ่อขุนรามคำแหง พระอัยกา ก็จักต้องนำไพร่พลไปล้มตายอีกเป็นอันมาก พระองค์จึงทรงมีพระราชประสงค์ที่จะปกครองบ้านเมืองเช่นเดียวกับพระเจ้าอโศกมหาราชที่ทรงปกครองอินเดียให้เจริญได้ด้วยการส่งเสริมพระพุทธศาสนา และสั่งสอนชาวเมืองให้ตั้งอยู่ในศีลธรรมอันจะเป็นวิธีรักษาเมืองให้ยั่งยืนอยู่ได้

ภาษาและวรรณคดี
ด้านอักษรศาสตร์ทรงพระปรีชาสามารถนิพนธ์หนังสือไตรภูมิพระร่วงที่นับเป็นงานนิพนธ์ที่เก่าแก่ที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย ด้วยทรงเชี่ยวชาญในพระไตรปิฎกจึงทรงนิพนธ์ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ประเพณีในพระพุทธศาสนา โลกมนุษย์ สวรรค์ และนรก

การสร้างเมือง


รงทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เจริญหลายประการ เช่น สร้างถนนพระร่วงตั้งแต่เมืองศรีสัชนาลัยผ่านกรุงสุโขทัยไปถึงเมืองนครชุม (กำแพงเพชร) บูรณะเมืองนครชุม

ทรงสร้างเมืองสองแคว (พิษณุโลก) เป็นเมืองลูกหลวงโดยการย้ายเมืองซึ่งเคยอยู่ที่สองแควซึ่งเดิมอยู่ทางใต้ (วัดจุฬามณีในปัจจุบัน) แต่ยังคงเรียกว่าเมืองสองแควตามเดิม

ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ


นับแต่พระยาลิไทยได้ครองราชย์มา 2 ปี พระเจ้าอู่ทองผู้ครองกรุงศรีอยุธยา ได้ให้ขุนหลวงพระงั่วยกทัพมาตีเมืองชัยนาท หัวเมืองชั้นในของกรุงสุโขทัยด้วยขณะนั้นกรุงสุโขทัยอ่อนแอจากทุพภิกขภัย ข้าวกล้าในนาเสียหาย ชาวเมืองอดอยาก

ต่อมาพระยาลิไทยได้ส่งทูตไปเจรจาให้กรุงศรีอยุธยาคืนเมืองชัยนาทแต่โดยดี และจะยินยอมให้เป็นประเทศอิสระและมีไมตรีกันเช่นเดียวกับขอมที่ครองเมืองลพบุรี กรุงศรีอยุธยาเห็นควรด้วยเกรงว่าขอมจะร่วมมือกับกรุงสุโขทัยจัดทัพกระหนาบมาตี กรุงศรีอยุธยาจึงคืนเมืองชัยนาทให้พระยาลิไทย

หลังจากสัมพันธไมตรีระหว่าง 2 กรุงดำเนินมาได้ราว 10 ปี เมื่อพระเจ้าอู่ทองสวรรคต ไมตรีระหว่างกรุงสุโขทัยกับกรุงศรีอยุธยาก็เริ่มตึงเครียดขึ้น และเมื่อขุนหลวงพระงั่ว (พระบรมราชาธิราช) ได้ราชสมบัติครองกรุงศรีอยุธยา ก็ได้กรีธาทัพไปตีกรุงสุโขทัย สงครามระหว่าง 2 กรุงดำเนินไปถึง 6 ปีเศษ ขุนหลวงพระงั่วก็ไม่อาจเอาชัยทัพพระยาลิไทย กรุงสุโขทัยได้

--------------------------------------------------------------
พระยางั่วนำถม  เริ่มรัชกาลเมืองใด ไม่ปรากฏชัด  แต่สิ้นรัชกาลราว  พ.ศ.  1890




 
แผนที่อาณาจักรสุโขทัย     ประวัติศาสตร์ไทยสมัยสุโขทัย

        การสถาปนากรุงสุโขทัย
     ก่อนการสถาปนากรุงสุโขทัย  ดินแดนตั้งแต่ภาคเหนือ ลงมา แถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาถึงอ่าวไทย อยู่ภายใต้การปกครองของขอม  โดยดินแดนตั้งแต่ปากน้ำโพขึ้นไป เป็นอาณาเขตสยาม  มีเมืองสุโขทัยเป็นศูนย์กลาง  และดินแดนส่วนใต้ ตั้งแต่ปากน้ำโพ ลงมาถึงอ่าวไทย  เป็นอาณาจักรละโว้  ราวปี  พ.ศ.  1780  พ่อขุนบางกลางหาว (หรือพ่อขันบางกลางท่าว)  เจ้าเมืองบางยาง  และพ่อขันผาเมือง  เจ้าเมืองราช  ได้ร่วมกันรวบรวมกำลัง เข้าตีเมืองสุโขทัยและเมืองต่าง ๆ  ของขอม  แล้วสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชธานี  โดยมีพ่อขุนบางกลางหาวเป็นปฐมกษัตริย์ แห่งราชวงศ์พระร่วง  ทรงพระนามว่า  พ่อขุนศรีอินทราทิตย์  


ปัจจัยที่เอื้อต่อการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัย


ปัจจัยที่เอื้อต่อการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัย  มี  2  ด้าน  คือ
        1.ปัจจัยภายใน    ได้แก่
 มีผู้นำที่เข้มแข็ง  ในสมัยนั้นผู้นำคนไทยที่กล้าหาญมีสติปัญญาเฉียบแหลมและรอบคอบ  2  คน  ซึ่งเป็นสหายกัน  ได้แก่  พ่อขุนผาเมือง  เจ้าเมืองราด  และพ่อขุบางกลางหาว  เจ้าเมืองบางยาง  ได้ร่วมกันรวบรวมคนไทย  และกำลังเข้าต่อสู้กับขอมจนสามารถขับไล่ขอมไปได้
 มีขวัญและกำลังใจดี    การที่คนไทยมีผู้นำที่เข้มแข็งมีความสามารถ  ทำให้มีขวัญและกำลังใจดี  มีความเชื่อมั่นว่าจะต่อสู้เอาชนะขอมได้  ต่างก็มีความปรารถนาที่จะขับไล่ขอมออกไป  เพื่อจะได้มีความเป็นอิสระและมีเอกราชสมบูรณ์  จึงได้ผนึกกำลังกันต่อสู้และเอาชนะขอมได้สำเร็จ

 รับความเป็นอิสระ   คนไทยมีนิสัยรักอิสระไม่ชอบให้ผู้ใดกดาขี่ข่มเหงบังคับ  ดังนั้นเมื่อพ่อขุนบางกลางหาว  และพ่อขุนผาเมืองได้ร่วมมือกันขับไล่ขอมเพื่อให้
คนไทยได้รับอิสรภาพ  จึงได้รับความร่วมมือร่วมใจจากชาวไทยทุกคนด้วยดี  จนสามารถาขับไล่ขอมและปลดปล่อยกรุงสุโขทัยเป็นอิสระได้ในที่สุด
                          บ้านเมืองมีความอุดมสมบูรณ์   เมืองสุโขทัยเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเกษตรมีการเพาะปลุก  การเลี้ยงสัตว์  และการจับสัตว์น้ำ  ทำให้ผู้คนเข้ามาอาศัย       
ตั้งบ้านเรือนกันเป็นชุมชนที่ค่อนข้างหนาแน่น  เมืองสุโขทัยจึงพร้อมด้วยเสบียงอาหาร  และกำลังคน2.ปัจจัยภายนอก   ได้แก่
 ขอมมักจะรุกรานและแผ่อำนาจเข้าไปในอาณาจักรอื่นๆ  ต้องทำสงครามรบพุ่งเป็นระยะเวลายาวนาน  โดยเฉพาะกับอาณาจักรจามปา   กษัตริย์ขอมต้องทำสงคราม
ยึดเยื้อหลายรัชกาล  ต้องเสียกำลังคน  เสบียงอาหาร  ทรัพยากรและขาดการทำนุบำรุงบ้านเมือง  ทำให้ต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจประชาชนท้อแท้เบื่อหน่าย
 การที่ขอมขยายอาณาเขตออกไปไกล  ทำให้ไม่สามารถออกไปไกล  ทำให้ไม่สามารถรักษาอำนาจไว้ได้อย่างถาวร  แม้จะแก้ปัญหา  โดยตั้งเมืองใหญ่ให้เป็นศูนย์
อำนาจ  เช่น  ลพบุรี  สุโขทัย  แต่การปกครองก็มิได้มีประสิทธิภาพในที่สุดก็ไม่สามารถรักษาอำนาจของคนในดินแดนชาติอื่นที่ตนยึดครองไว้ได้
 การสร้างปราสาทหรือเทวสถานไว้ประดิษฐานศิวลึงค์   เพื่อการบูชาและการสร้างสาธารณูปโภคของกษัตริย์แต่ละพระองค์  ก็เป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้ขอมเสื่อม
อำนาจ  เพราะต้องใช้แรงงาน  ใช้ทรัพยากรและเสบียงอาหารจำนวนมากมาย  ความอ่อนแอทางเศรษฐกิจทำให้ต้องเก็บภาษีจากประชาชนมากขึ้น  ประชาชนจึงไม่ร่วมมือกับทางราชการ ด้วยเหตุดังกล่าวนี้  อาณาจักรขอมจึงเสื่อมลง  เปิดโอกาสให้คนไทยได้ร่วมกันกำจัดอำนาจอิทธิพลของขอมได้สำเร็จ


----------------------------------------------------------------------------------------
พระมหากษัตริย์ในสัมัยกรุงสุโขทัย

1. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์สถาปนาเป็นกษัตริย์ โดยมีสุโขทัยเป็นราชธานีประมาณ 
พ.ศ.  1781



พระราชกรณียกิจ
๑.ทรงก่อตั้งอาณาจักรสุโขทัยโดย พระองค์ทรงรวบรวมผู้คน ยึดอำนาจจากขอม เป็นผลสำเร็จและทรงสถาปนา อาณาจักรสุโขทัยเป็นราชธานี ทำให้คนไทยมี ีอิสรภาพ โดยไม่ตกอยู่ภายใต้ของอาณาจักรขอมต่อไป
๒. ทำศึกสงครามเพื่อป้องกันและขยายอาณาเขต ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดได้นำ กองทัพเข้ามารุกรานเมืองตาก ซึ่งเป็นเมืองชายแดน ของอาณาจักรสุโขทัย พ่อขุนศรีอินทราทิตย์พร้อมด้วยพ่อขุนรามคำแหง พระราชโอรสองค์เล็ก ทรงยกทัพ เข้าสู้รบจนได้รับชัยชนะ ทำให้อาณาจักรสุโขทัยได้เมืองตากกลับคืนมา
--------------------------------------------------------------
พ่อขุนบางเมือง  เป็นโอรสองค์ที่สองของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์  สิ้นรัชกาลราวปี  พ.ศ.  1820
พระราชกรณียกิจ

พ่อขุนบานเมืองได้ทำสงครามกับเมืองต่าง ๆ ในหลายประเทศเพื่อขยายอำนาจแห่งสุโขทัย ซึ่งพระองค์มีพระสามารถในการทำศึกสงครามมากนัก โดยมีสมเด็จพระอนุชาธิราช (พ่อขุนรามคำแหงมหาราช) เป็นแม่ทัพ ดังปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 1 ว่า "กูไป่ท่บ้านท่เมือง ได้ช้าง ได้งวง ได้ปั่ว ได้นาง ได้เงือน ได้ทอง กูเอามาเวนแก่พ่อกู พ่อกูตายเวนยังพี่กู กูพร่ำบำเรอแก่พี่กู ดังบำเรอแก่พ่อกู" หมายความว่าเมื่อพระรามคำแหงยกทัพไปตีเมืองอื่นจนได้ชัยชนะ ก็นำช้าง ผู้คน ทรัพย์สินเงินทอง มาถวายแด่พระราชบิดา เมื่อพระราชบิดาสวรรคต ก็กระทำอย่างเดียวกันกับพ่อขุนบานเมือง
--------------------------------------------------------------
พ่อขุนรามคำแหง  พระนามเดิมว่าร่วง  ทรงครองราชย์ตั้งแต่ราวปี  พ.ศ.  1822

พระราชกรณียกิจ

รัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นยุคที่กรุงสุโขทัยเฟื่องฟูและเจริญขึ้นกว่าเดิมเป็นอันมาก ระบบการปกครองภายในก่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยอย่างมีประสิทธิภาพ มีการติดต่อสัมพันธ์กับต่างประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง ประชาชนอยู่ดีกินดี สภาพบ้านเมืองก้าวหน้าทั้งทางเกษตร การชลประทาน การอุตสาหกรรม และการศาสนา อาณาเขตของกรุงสุโขทัยได้ขยายออกไปกว้างใหญ่ไพศาล
--------------------------------------------------------------
พ่อเจ้าเลอไทย  ครองราชย์ปี พ.ศ. 1843



พระราชกรณียกิจ

ในสมัยของพญางั่วนำถุมครองราชสมบัติ เป็นช่วงระยะเวลาที่อาณาจักรสุโขทัยอยู่ในฐานะที่คลอนแคลน มีความแตกแยกระหว่างเจ้านายในพระราชวงศ์ออกเป็นหลายฝ่าย เมื่อพญางั่วนำถุมสวรรคต  ก็มีการแย่งชิง
ราชสมบัติเกิดขึ้นที่เมืองสุโขทัย  พญาลิไทซึ่งครองเมืองศรีสัชนาลัย 
ต้องยกทัพเข้ามาปราบปรามและปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์

-------------------------------------------------------------
พระมหาธรรมราชาที่  1  (พญาลิไท)  ครองราชย์ช่วง  พ.ศ.  1890 - 1917


พระราชกรณียกิจ

พระมหาธรรมราชาที่ 1 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 6 
แห่งอาณาจักรสุโขทัยทรงเป็นพระราชโอรสของพญาเลอไท  ทรงขึ้นครองราชสมบัติโดยการปราบดาภิเษกจากความพยายามของพระองค์ภายหลังการขึ้นครองราชสมบัติแล้ว พระองค์ทรงมีความมุ่งมั่นที่จะรวบรวมเมืองต่าง ๆ ที่แตกแยกให้เข้ามารวมกันอีกเหมือนครั้งในสมัยของพ่อขุนรามคำแหงและทรงเสด็จไปยังเมืองต่าง ๆ เพื่อเผยแผ่และกระทำกิจทางศาสนา  ตลอดจนสร้างสัมพันธไมตรีอันดีกับเมืองเชียงใหม่  โดยทรงมีพระราชานุญาตให้พระสมณะเถระไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่เชียงใหม่ ตามที่พระเจ้ากือนาแห่งเชียงใหม่ทรงขอมา  

--------------------------------------------------------------
พระมหาธรรมราชาที่  2  (พระเจ้าไสยลือไท)  ครองราชย์ช่วง  พ.ศ.  1917 - 1942  ช่วง 
พ.ศ.  1921  ได้ตกเป็นประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา


พระราชกรณียกิจ


พระมหาธรรมราชาที่ 2 ทรงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติต่อจาก
พระมหาธรรมราชาที่ 1 ในขณะนั้นอาณาจักรกรุงศรีอยุธยาสมัยของสมเด็จพระบรมราชาธิราช (ขุนหลวงพระงั่ว) ได้ขยายอำนาจมายังอาณาจักรสุโขทัย โดยเริ่มตีและยึดเมืองเหนือได้หลายเมือง  แต่พระมหาธรรมราชาที่ 2 ได้ป้องกันเมืองเป็นสามารถ แต่เมื่อเห็นว่าจะสู้รบต่อไปไม่ไหวจึงถวายบังคม  ขุนหลวงพระงั่ว  โปรดให้พระมหาธรรมราชาที่  2 ครองอาณาจักรสุโขทัยต่อไปในฐานะ  ประเทศราชของอาณาจักรอยุธยา จนถึงปี พ.ศ. 1931 อาณาจักรสุโขทัยได้แข็งเมืองไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในปี พ.ศ. 1931  ขุนหลวงพระงั่ว จึงยกทัพไป
ตีชากังราว  แต่พระองค์ได้เสด็จสวรรคตกลางทาง

--------------------------------------------------------------
พระมหาธรรมราชที่  3  ครองราชย์ช่วง  พ.ศ.  1942 - 1962  ได้ย้ายราชธานี จากสุโขทัยมาพิษณุโลก

พระราชกรณียกิจ

พระมหาธรรมราชาที่ 3 ทรงเป็นโอรสของพระมหาธรรมราชาที่ 2 พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีฝีมือเข้มแข็ง สามารถแผ่ขยายอาณาเขต  เพื่อกู้เสถียรภาพทางการเมืองของอาณาจักรสุโขทัยให้ฟื้นตัวขึ้นมาอีก โดยยกทัพไปปราบยังเมืองต่าง ๆ ให้อยู่ในอำนาจ


--------------------------------------------------------------
พระมหาธรรมราชาที่  4  ครองราชย์ช่วง  พ.ศ.  1962 - 1981  เป็นกษัตริย์วงศ์สุดท้ายแห่งราชวงศ์สุโขทัย  


พระราชกรณียกิจ


ในสมัยของพระมหาธรรมราชาที่  4  อาณาจักรสุโขทัยตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรอยุธยาอีกครั้งหนึ่ง พระมหาธรรมราชาที่ 4 ทรงครอง
ราชสมบัติได้ 19 ปี  ก็สวรรคตเชื้อสายพระร่วงเกิดแย่งชิงราชสมบัติกันสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) แห่งอาณาจักรอยุธยา โปรดให้พระราเมศวรพระราชโอรสขึ้นไปครองพิษณุโลก นับตั้งแต่นั้นมาสุโขทัยจึงถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยา
--------------------------------------------------------------
ยุคแรกของอาณาจักรสุโขทัย  มีเมืองใหญ่ที่สุโขทัย และเมืองเชลียง และมีเมืองเล็ก ๆ  อยู่ตามลุ่มแม่น้ำปิง  วัง  ยม  น่าน  ด้านเหนือติดเมืองแพร่  ด้านใต้ติดเมืองพระบาง (คือนครสวรรค์ในปัจจุบัน)  พลเมืองไม่มากนัก
"ในสมัยพ่่อขุนรามคำแห่ง ได้มีการแผ่ขยายอาณาเขตไปมากมาย"
  • ทิศเหนือ   จดเขตล้านนาไทยที่ลำปาง
  • ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ  จดเมืองแพร่  น่าน  พลั่ว (อำเภอปัวในจังหวัดน่าน ปัจจุบัน)  และหลวงพระบาง
  • ทิศตะวันออก  จดเมืองเวียงจันทน์และเวียงคำ
  • ทิศใต้  จดปลายแหลมมลายู
  • ทิศตะวันตก  ถึงฝั่งมหาสมุทรอินเดีย รวมถึงเมืองฉอด  หวงสาวดี  ทวาย  และตะนาวศรี
     กษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย ได้ครองราชย์สืบต่อกันมาเป็นเวลาราว  200  ปี  คือ  ตั้งแต่  พ.ศ.  1780 - พ.ศ.  1981  แต่ในราวปี  พ.ศ.  1983  กลุ่มคนไทยทางตอนใต้กรุงสุโขทัย ได้สถาปนาอาณาจักรบริเวณลุ่มแน่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างขึ้น  โดยมีพระรามาธิบดีที่  1  (พระเจ้าอู่ทอง)  เป็นปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรอยุธยา
     อาณาจักรอยุธยาซึ่งมีทำเลที่ตั้งดี  มีกษัตริย์ที่เข้มแข็ง ได้ขยายอำนาจเพิ่มขึ้นตามลำดับ  และสามารถยึดครองอาณาจักสุโขทัยเป็นประเทศราชได้ ในสมัยพระมหาธรรมราชที่  2  และต่อมาในปี  พ.ศ.  1981  ก็ได้รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธย


การล่มสลายของอาณาจักรสุโขทัย

ความเป็นมา

อาณาจักรสุโขทัย หรือ รัฐสุโขทัย (อังกฤษ: Kingdom of Sukhothai) เป็นอาณาจักร หรือรัฐในอดีตรัฐหนึ่ง ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำยม เป็นชุมชนโบราณมาตั้งแต่ยุคเหล็กตอนปลาย จนกระทั่งสถาปนาขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18 ในฐานะสถานีการค้าของรัฐละโว้ หลังจากนั้นราวปี 1800 พ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมือง ได้ร่วมกันกระทำการยึดอำนาจจากขอมสบาดโขลญลำพง ซึ่งทำการเป็นผลสำเร็จและได้สถาปนาเอกราชให้สุโขทัยเป็นรัฐอิสระ และมีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับและเพิ่มถึงขีดสุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ก่อนจะค่อยๆตกต่ำ และประสบปัญหาทั้งจากปัญหาภายนอกและภายใน จนต่อมาถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาไปในที่สุดจากข้อมูลทำอย่างไรเพื่อจะได้รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงอาณาจักรอยุธยาถึงล่มสลายได้


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น